วินิจฉัย ของ โรคอารมณ์สองขั้ว

ตั้งแต่จิตแพทย์ชาวเยอรมันเอมีล เครพอลีน (Emil Kraepelin) ได้แยกโรคอารมณ์สองขั้วกับโรคจิตเภทในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักวิจัยได้แยกโรคอารมณ์สองขั้วเป็นประเภทต่าง ๆ โดยเป็นสเปกตรัม

ไม่มีการตรวจพิเศษเพื่อช่วยวินิจฉัยโรคนี้ ข้อมูลหลักในการวินิจฉัยคือ การซักประวัติอาการ ความเป็นไปของโรค ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ การใช้ยาและสารต่าง ๆ หรือโรคประจำตัว เพราะยาบางขนานหรือโรคทางร่างกายบางโรคอาจมีอาการทางจิตเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้วได้ แพทย์จะนำข้อมูลจากคนไข้และญาติ ร่วมกับการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตมาประมวลกันเพื่อการวินิจฉัย สำหรับผู้ที่สงสัยตนเองหรือคนใกล้ตัวว่าอาจเป็นโรค ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ช่วยประเมินโดยละเอียดและวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย[ต้องการอ้างอิง]

โรคอารมณ์สองขั้วมักจะวินิจฉัยในวัยรุ่นหรือต้นวัยผู้ใหญ่ แต่โรคก็สามารถเกิดได้ชั่วชีวิต[5][87]การแยกโรคจากโรคซึมเศร้าขั้วเดียวอาจยาก และความล่าช้าของการได้วินิจฉัยที่ถูกต้องโดยเฉลี่ยยาวนานถึง 5-10 ปีหลังเริ่มเกิดอาการ[88]การวินิจฉัยโรคจะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง รวมประสบการณ์ตามรายงานจากคนไข้เอง, พฤติกรรมผิดปกติตามรายงานของสมาชิกครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน, อาการป่วยที่แพทย์พยาบาลสังเกตเห็นได้ และบ่อยครั้งการตรวจด้วยเครื่องมือหรือทางแล็บเพื่อกันโรคหรือภาวะอื่น ๆแบบคำถามต่อผู้ดูแล คือ caregiver-scored rating scales โดยเฉพาะเมื่อถามมารดา พบว่าแม่นยำกว่ารายงานที่ได้จากครูหรือเด็กคนไข้เพื่อระบุเด็กที่มีโรค[89]

การประเมินมักทำในแผนกผู้ป่วยนอกโดยการรับเข้า รพ. อาจพิจารณาสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อตนเองหรือผู้อื่นเกณฑ์วินิจฉัยที่ใช้กันมากที่สุดมาจาก DSM-5 ของสมาคมจิตเวชอเมริกัน (APA) และจาก ICD-10 ขององค์การอนามัยโลกเกณฑ์จาก ICD-10 มักใช้เพื่อตรวจรักษานอกสหรัฐ เทียบกับเกณฑ์ของ DSM ที่ใช้ตรวจรักษาในสหรัฐโดยยังเป็นเกณฑ์หลักที่ใช้ในงานศึกษาต่าง ๆ ด้วยDSM-5 ที่ตีพิมพ์ในปี 2013 มีตัวบ่งรายละเอียดโรค (specifier) ที่แม่นยำกว่า DSM-IV-TR ซึ่งเป็นรุ่นที่ตีพิมพ์ก่อน[90]การสัมภาษณ์กึ่งตามกรอบ เช่น KSADS และ SCID สามารถใช้ยืนยันวินิจฉัยว่ามีโรค

มีมาตราประเมินหลายอย่างที่สามารถใช้ตรวจคัดและประเมินว่ามีโรคหรือไม่[91]รวมทั้ง Bipolar Spectrum Diagnostic Scale, Mood Disorder Questionnaire, General Behavior Inventory และ Hypomania Checklist (HCL-32)[92]มาตราเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนการตรวจของแพทย์ได้ แต่ใช้เพื่อรวบรวมอาการอย่างมีระบบ[92]อย่างไรก็ดี วิธีคัดกรองโรคนี้มักไม่ค่อยไวโรคโดยเปรียบเทียบ[91]

เกณฑ์วินิจฉัยคราวฟุ้งพล่าน

DSM-5 มีเกณฑ์วินิจฉัยคราวฟุ้งพล่านดังต่อไปนี้ คือ[93]

A. มีช่วงที่มีอารมณ์คึกคัก แสดงความรู้สึกโดยไม่รั้ง หรืออารมณ์หงุดหงิดที่ผิดปกติและคงอยู่ตลอดอย่างชัดเจนนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ (หรือนานเท่าใดก็ได้หากต้องอยู่ในโรงพยาบาล)

B. ในช่วงที่อารมณ์ผิดปกติ มีอาการดังต่อไปนี้อยู่ตลอดอย่างน้อย 3 อาการ (หรือ 4 อาการหากอารมณ์เพียงหงุดหงิด) โดยอาการเหล่านี้รุนแรงอย่างสำคัญ

  1. เชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาก หรือคิดว่าตนยิ่งใหญ่ มีความสามารถ
  2. ความต้องการนอนลดลง (เช่น ได้นอนแค่ 3 ชั่วโมงก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว)
  3. พูดคุยมากกว่าปกติ หรือต้องการพูดอย่างไม่หยุด
  4. ความคิดแล่น คิดมากหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน หรือผู้ป่วยรู้สึกว่าความคิดแล่นเร็ว
  5. วอกแวก (ได้แก่ ถูกดึงความสนใจได้ง่าย แม้สิ่งเร้าภายนอกจะไม่สำคัญหรือไม่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่สนใจอยู่ในขณะนั้น)
  6. มีกิจกรรมซึ่งมีจุดหมายเพิ่มขึ้นมาก (ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การงานหรือการเรียน หรือด้านเพศ) หรือกระสับกระส่ายมาก
  7. หมกมุ่นอย่างมากกับกิจกรรมที่ทำให้เพลิดเพลินแต่มีโอกาสสูงที่จะก่อความยุ่งยาก (เช่น ใช้จ่ายอย่างไม่อั้น ไม่ยับยั้งใจเรื่องทางเพศ หรือลงทุนทำธุรกิจอย่างโง่เขลา)

D. ความผิดปกติด้านอารมณ์ที่รุนแรงจนก่อความบกพร่องอย่างมากในด้านการงาน หรือกิจกรรมทางสังคมตามปกติ หรือสัมพันธภาพกับผู้อื่น หรือทำให้ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อป้องกันอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีอาการโรคจิต

E. อาการมิได้เป็นจากผลโดยตรงด้านสรีรวิทยาจากสาร (เช่น สารเสพติด ยา หรือการรักษาอื่น) หรือจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย (เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ)

หมายเหตุ: อาการคล้ายอาการฟุ้งพล่านที่เห็นชัดว่าเป็นจากการรักษาทางกายภาพของภาวะซึมเศร้า (เช่น การใช้ยา การรักษาด้วยไฟฟ้า การรักษาด้วยแสงสว่าง) ไม่ควรรวมอยู่ในการวินิจฉัยโรคอารมณ์สองขั้วประเภทที่ 1

เกณฑ์วินิจฉัยคราวซึมเศร้า

DSM-5 มีเกณฑ์วินิจฉัยคราวซึมเศร้าดังต่อไปนี้ คือ[94]

A. มีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการ (หรือมากกว่า) ร่วมกันอยู่นาน 2 สัปดาห์ และแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ไปจากแต่ก่อน โดยมีอาการอย่างน้อยหนึ่งข้อของ (1) อารมณ์ซึมเศร้า (2) เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข

  1. มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ของวัน แทบทุกวัน โดยได้จากการบอกเล่าของผู้ป่วย (เช่น รู้สึกเศร้า หรือชีวิตไร้ความหมาย) หรือจากการสังเกตของผู้อื่น (เช่น เห็นว่าร้องให้) หมายเหตุ: ในเด็กและวัยรุ่น เป็นอารมณ์หงุดหงิดก็ได้
  2. ความสนใจหรือความสุขใจในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหมดหรือแทบทั้งหมดลดลงอย่างมาก เป็นส่วนใหญ่ของวัน แทบทุกวัน (โดยได้จากการบอกเล่าของผู้ป่วย หรือจากการสังเกตของผู้อื่น)
  3. น้ำหนักลดลงโดยมิได้คุมอาหาร หรือเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญ (คือน้ำหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารแทบทุกวัน หมายเหตุ: ในเด็ก เป็นการไม่เพิ่มน้ำหนักตามควร
  4. นอนไม่หลับ หรือหลับมากไปแทบทุกวัน
  5. กระสับกระส่าย (psychomotor agitation) หรือ เชื่องช้า (retardation) แทบทุกวัน (จากการสังเกตของผู้อื่น มิใช่เพียงจากความรู้สึกของผู้ป่วยว่ากระวนกระวายหรือช้าลง)
  6. อ่อนเพลีย หรือไร้เรี่ยวแรงแทบทุกวัน
  7. รู้สึกตนเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิดอย่างไม่เหมาะสมหรือมากเกินควร (อาจถึงขั้นหลงผิด) แทบทุกวัน (มิใช่เพียงแค่การโทษตนเองหรือรู้สึกผิดที่ป่วย)
  8. สมาธิหรือความสามารถในการคิดอ่านลดลง หรือตัดสินใจอะไรไม่ได้แทบทุกวัน (จากคำของผู้ป่วย หรือจากคนใกล้ตัว)
  9. คิดถึงเรื่องการตายอยู่เรื่อย ๆ (มิใช่แค่กลัวว่าจะตาย) คิดอยากตายอยู่เรื่อย ๆ โดยมิได้วางแผนแน่นอน หรือพยายามฆ่าตัวตายหรือมีแผนฆ่าตัวตายแน่นอน

B. อาการเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานอย่างสำคัญ หรือทำให้กิจกรรมด้านสังคม การงาน หรือด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ บกพร่องลง

C. อาการมิได้เป็นจากผลโดยตรงด้านสรีรวิทยาจากสาร (เช่น สารเสพติด ยา) หรือจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย (เช่น ภาวะขาดไทรอยด์)

การวินิจฉัยแยกโรค

มีความผิดปกติทางจิตหลายอย่างที่มีอาการคล้ายกับที่พบในคนไข้โรคอารมณ์สองขั้วรวมทั้งโรคจิตเภท โรคซึมเศร้า[95]โรคสมาธิสั้น (ADHD) และความผิดปกติทางบุคลิกภาพบางอย่าง เช่น ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (BPD)[96][97][98]

แม้จะไม่มีการทดสอบทางชีววิทยาหรือการตรวจพิเศษที่สามารถวินิจฉัยโรค[52]การตรวจเลือดหรือการสร้างภาพร่างกาย (เช่น MRI) สามารถทำเพื่อกันโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกับโรคโรคทางประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, การชักจำเพาะส่วน (partial seizure) ที่ซับซ้อน, โรคหลอดเลือดสมอง, เนื้องอกในสมอง, Wilson's disease, การบาดเจ็บในสมอง (TBI), โรคฮันติงตัน และโรคไมเกรนที่ซับซ้อน อาจมีอาการคล้ายโรคอารมณ์สองขั้ว[87]การบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) อาจใช้กันความผิดปกติทางประสาท (neurological disorder) เช่น โรคลมชัก และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ MRI ที่ศีรษะอาจใช้กันรอยโรคในสมอง[87]

อนึ่ง ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ภาวะขาดไทรอยด์ (hypothyroidism) ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน (hyperthyroidism) โรคคุชชิง (Cushing's disease) เป็นต้น และโรคลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง ซึ่งเป็นโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ก็เป็นวินิจฉัยแยกโรคด้วยการติดเชื้อที่เป็นเหตุให้เกิดอาการฟุ้งพล่านคล้ายกับของโรคอารมณ์สองขั้วรวมสมองอักเสบเหตุไวรัสเริม (herpes encephalitis) เอชไอวี ไข้หวัดใหญ่ หรือซิฟิลิสระบบประสาท (neurosyphilis)[87]โรคขาดวิตามินบางชนิด เช่น โรคเพลแลกรา (pellagra) เหตุขาดวิตามินบี3, การขาดวิตามินบี12, การขาดวิตามินบี9 และ Wernicke Korsakoff syndrome เหตุขาดวิตามินบี1 ก็อาจก่ออาการฟุ้งพล่านได้ด้วย[87]

แพทย์อาจต้องพิจารณายารักษาและยาเสพติดที่ใช้เพื่อกันเหตุเหล่านี้ยาสามัญที่ก่ออาการฟุ้งพล่านรวมทั้งยาแก้ซึมเศร้า, prednisone, ยารักษาโรคพาร์คินสัน, ฮอร์โมนไทรอยด์, ยากระตุ้น (รวมทั้งโคเคนและเมแทมเฟตามีน) และยาปฏิชีวนะบางชนิด[99]

สเปกตรัมในโรคอารมณ์สองขั้ว

กราฟทำให้ง่ายที่แสดงอารมณ์ของคนไข้โรคอารมณ์สองขั้วแบบย่อยต่าง ๆ และโรคซึมเศร้า เส้นเขียวแสดงอารมณ์ของคนทั่วไป เส้นน้ำเงินของคนไข้โรคซึมเศร้าขั้วเดียว เส้นม่วงอ่อนของโรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1 เส้นม่วงกลางของโรคอารมณ์สองขั้วประเภท 2 และเส้นม่วงเข้มของโรคไซโคลไทเมีย แกนนอนแสดงระยะเวลาที่เกิดอารมณ์ แกนตั้งแสดงอารมณ์ บนสุดสีแดงเข้มเป็นอาการฟุ้งพล่านบริบูรณ์ ต่อจากบนสุดสีแดงอ่อนเป็นอาการเกือบฟุ้งพล่าน ล่างสุดสีเขียวเป็นอาการซึมเศร้า คราวซึมเศร้าของโรคประเภทที่ 1 และ 2 ต้องมีอาการซึมเศร้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ คราวฟุ้งพล่านของโรคประเภทที่ 1 ต้องมีอาการฟุ้งพล่านเต็มตัวอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ คราวเกือบฟุ้งพล่านของโรคที่ 2 ต้องมีอาการเกือบฟุ้งพล่านโดยไม่ถึงเป็นอาการฟุ้งพล่านอย่างน้อย 4 วัน ส่วนโรคไซโคลไทเมียมีระยะอาการที่ไม่เข้าเกณฑ์เป็นคราวเกิดอาการของโรคทั้งประเภทที่ 1 และ 2

โรคสเปกตรัมอารมณ์สองขั้ว (bipolar spectrum disorders) รวมโรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1 (bipolar I disorder), โรคอารมณ์สองขั้วประเภท 2 (bipolar II disorder), โรคไซโคลไทเมีย และโรคกรณีที่อาการยังไม่ถึงขีด ล้วนเป็นโรคที่ก่อความพิการหรือก่อความทุกข์อย่างสำคัญ[5][87]โรคเหล่านี้มีคราวซึมเศร้าที่สลับกับคราวฟุ้งพล่าน หรือกับคราวเกือบฟุ้งพล่าน หรือกับคราวอารมณ์ผสมที่มีทั้งอาการฟุ้งพล่านและซึมเศร้า[5]แนวคิดเกี่ยวกับสเปกตรัมโรคอารมณ์สองขั้วคล้ายกับแนวคิดดั้งเดิมของจิตแพทย์ชาวเยอรมันเอมีล เครพอลีน (Emil Kraepelin) เกี่ยวกับ manic depressive illness[100]

การมีอาการเกือบฟุ้งพล่านขั้วเดียวโดยไม่มีอาการซึมเศร้าได้ปรากฏในวรรณกรรมการแพทย์[101]จึงมีการเดาต่าง ๆ นา ๆ ว่า นี้อาจเกิดบ่อยครั้งกว่าในกลุ่มประชากรทั่วไปที่ไม่ได้รักษาหรือไม่การดำเนินชีวิตทางสังคมที่ดีสำหรับบุคคลที่อาจประสบความสำเร็จสูงเหล่านี้อาจทำให้จัดว่าเป็นคนปกติ ไม่ใช่บุคคลที่อารมณ์แปรปรวนอย่างผิดปกติ

เกณฑ์และแบบย่อย

ทั้ง DSM และ ICD จัดโรคอารมณ์สองขั้วเป็นโรคต่าง ๆ คือเป็นโรคสเปกตรัมที่มีแนวเกิดอย่างต่อเนื่องDSM-5 แบ่งเป็นแบบย่อยสามอย่าง คือ[5]

  • โรคอารมณ์สองขั้วประเภท 1 (Bipolar I disorder) ต้องมีคราวฟุ้งพล่านอย่างน้อย 1 คราวเพื่อจะผ่านเกณฑ์วินิจฉัย[102] คราวซึมเศร้าเป็นเรื่องสามัญของกรณีคนไข้แบบนี้โดยมาก แต่ไม่จำเป็นเพื่อผ่านเกณฑ์วินิจฉัย[21] คำระบุรายละเอียด เช่น "mild (เบา), moderate (ปานกลาง), moderate-severe (ปานกลาง-หนัก), severe (หนัก)" และ "with psychotic features (มีอาการโรคจิต)" ควรเติมตามสมควรเพื่อระบุอาการและวิถีการดำเนินของโรค[5]
  • โรคอารมณ์สองขั้วแบบ 2 (Bipolar II disorder) ไม่มีคราวฟุ้งพล่าน มีคราวเกือบฟุ้งพล่านอย่างน้อย 1 คราวและมีคราวซึมเศร้าอย่างน้อย 1 คราว[102] คราวเกือบฟุ้งพล่านต้องไม่กลายเป็นคราวฟุ้งพล่านอย่างบริบูรณ์ (คือ ไม่ก่อปัญหาทางสังคมหรือทางอาชีพอย่างรุนแรง และไม่มีอาการโรคจิต) และนี่อาจทำให้วินิจฉัยแบบย่อยนี้ได้ยาก เพราะคราวเกือบฟุ้งพล่านอาจปรากฏเป็นช่วงที่ทำการงานได้ดีมากและคนไข้มักจะรายงานน้อยกว่าระยะซึมเศร้าที่ก่อทุกข์และทำให้ทำอะไรไม่ได้
  • โรคไซโคลไทเมีย มีประวัติทั้งคราวเกือบฟุ้งพล่านและคราวซึมเศร้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์เป็นโรคซึมเศร้า[103]

เมื่อสมควร คำระบุรายละเอียด คือ "peripartum onset (เริ่มใกล้ ๆ ช่วงคลอดบุตร)" และ "with rapid cycling (อารมณ์สลับอย่างรวดเร็ว)" ควรใช้สำหรับแบบย่อยทุกอย่างคนไข้ที่มีอาการที่ไม่ถึงเกณฑ์แต่ก่อทุกข์หรือความพิการอย่างสำคัญ และไม่ผ่านเกณฑ์ของแบบย่อยทั้งสามอาจวินิจฉัยเป็น other specified bipolar disorder หรือ unspecified bipolar disorderโดยแบบแรกจะใช้เมื่อแพทย์เลือกอธิบายว่าทำไมอาการจึงไม่ผ่านเกณฑ์วินิจฉัยเต็ม ๆ (เช่น อาการเกือบฟุ้งพล่านโดยไม่มีคราวซึมเศร้ามาก่อน)[5]

อารมณ์สลับอย่างรวดเร็ว

คนโดยมากที่ผ่านเกณฑ์เป็นโรคประสบกับคราวมีอาการหลายคราวโดยเฉลี่ย 0.4-0.7 คราวต่อปีโดยแต่ละคราวคงยืน 3-6 เดือน[104]rapid cycling (อารมณ์สลับอย่างรวดเร็ว) เป็นคำระบุวิถีการดำเนินของโรคที่สามารถใช้กับแบบย่อยของโรคทุกอย่างโดยนิยามว่ามีคราวที่มีปัญหาทางอารมณ์ 4 คราวหรือยิ่งกว่าภายใน 1 ปีโดยเกิดเป็นส่วนสำคัญของวิถีการดำเนินโรค[34]คราวต่าง ๆ เหล่านี้จะแยกจากกันด้วยระยะโรคสงบ (อย่างบริบูรณ์หรือเป็นบางส่วน) อย่างน้อย 2 เดือนหรือเปลี่ยนขั้วไปเลย (คือ เปลี่ยนจากคราวซึมเศร้าเป็นคราวฟุ้งพล่าน หรือนัยตรงข้าม)[21]นิยามว่า อารมณ์สลับอย่างรวดเร็ว ที่อ้างอิงในวรรณกรรมการแพทย์มากที่สุด (รวมทั้ง DSM) เป็นของคู่นักวิชาการคือ Dunner และ Fieve คือมีคราวซึมเศร้า คราวฟุ้งพล่าน คราวเกือบฟุ้งพล่าน และคราวอารมณ์ผสมอย่างน้อย 4 คราวภายในระยะ 12 เดือน[105]สลับแบบเร็วมาก (ultra rapid คือเป็นวัน ๆ) และเร็วมากมาก (ultra-ultra rapid หรือ ultradian คือภายในวันเดียว) ก็มีกล่าวถึงเหมือนกัน[106]วรรณกรรมที่ตรวจการรักษาด้วยยาของอารมณ์ที่สลับเร็วไม่มีความเห็นพ้องกันที่ชัดเจนว่าอะไรเป็นวิธีรักษาที่ดีสุด[107]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคอารมณ์สองขั้ว http://www.repositorio.ufc.br/handle/riufc/23654 http://d.plnk.co/ACNP/50th/Transcripts/David%20Dun... http://www.diseasesdatabase.com/ddb7812.htm http://www.emedicine.com/med/topic229.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296.... http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=296....