วินิจฉัย ของ โรคจิตเภท

ดูบทความหลักที่: การวินิจฉัยโรคจิตเภท

โรคจิตเภทจะวินิจฉัยตามเกณฑ์ของคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM-5) ของสมาคมจิตเวชอเมริกัน (APA) หรือ ICD-10 ขององค์การอนามัยโลกเกณฑ์เหล่านี้ใช้รายงานประสบการณ์จากคนไข้เองและรายงานพฤติกรรมผิดปกติที่คนอื่นรายงาน โดยแพทย์พยาบาลเป็นผู้ประเมินแต่อาการที่สัมพันธ์กับโรคนั้นก็เกิดเป็นสเปกตรัมคืออย่างต่อเนื่องในกลุ่มประชากรปกติ และดังนั้น จึงต้องถึงความรุนแรงและปัญหาในระดับหนึ่งก่อนที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรค[15]จนถึงปี 2013 ยังไม่มีการตรวจที่เป็นปรวิสัย (เพราะบุคคลต่าง ๆ รวมคนไข้เอง เป็นผู้รายงานอาการ จึงเป็นการตรวจที่เป็นอัตวิสัย)[6]

เกณฑ์

ในปี 2013 สมาคมจิตเวชอเมริกัน (APA) ตีพิมพ์ DSM ฉบับที่ 5 คือ DSM-5ในฉบับนี้เพื่อจะวินิจฉัยว่ามีโรคจิตเภท จะต้องผ่านเกณฑ์สองเกณฑ์ที่เกิดโดยมากในช่วงเวลาอย่างน้อย 1 เดือนและมีผลสำคัญต่อการดำเนินชีวิตทางสังคมและทางอาชีพอย่างสำคัญอย่างน้อย 6 เดือนคนไข้ต้องมีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หรือพูดสับสน เป็นอาการแรกอาการที่สองอาจเป็นอาการบกพร่อง (negative symptom) หรือพฤติกรรมที่วุ่นวายสับสนหรือมีอาการเคลื่อนไหวน้อยหรือมากเกิน (catatonia)[141]นิยามของโรคจิตเภทเท่ากับที่ระบุใน DSM-IV-TR ปี 2000 แต่ DSM-5 ก็มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้างรวมทั้ง

  • การแจกแนกแบบย่อย (subtype) เช่น ยกเลิกแบบย่อย catatonic schizophrenia และโรคจิตเภทแบบระแวง (paranoid schizophrenia) ซึ่งมีอยู่ในฉบับก่อน ๆ โดยมากตามแบบฉบับ แต่ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีค่าอะไร[142]
  • อาการเคลื่อนไหวน้อยหรือมากเกิน (catatonia) ไม่จัดว่าสัมพันธ์กับโรคจิตเภทอย่างมีกำลัง[143]
  • เมื่อรายงานอาการของโรค แนะนำว่าให้จำแนกให้ดีระหว่างภาวะโรคปัจจุบันกับที่ผ่านมาในอดีต เพื่อให้สามารถระบุวิถีการดำเนินของโรคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น[142]
  • การให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อเกณฑ์วินิจฉัย Schneider's first-rank symptoms[upper-alpha 11] ไม่แนะนำอีกต่อไป[142]
  • โรค schizoaffective disorder มีนิยามที่ดีขึ้นเพื่อแยกแยะกับโรคจิตเภทได้ชัดเจนขึ้น[142]
  • การประเมินที่ครอบคลุมโดเมน 8 โดเมนของจิตพยาธิวิทยา เช่น คนไข้ประสาทหลอนหรือมีอาการฟุ้งพล่าน (mania) หรือไม่ แนะนำให้ทำเพื่อช่วยการตัดสินใจในการตรวจรักษา[148]

เกณฑ์วินิจฉัย ICD-10 ปกติจะใช้ในประเทศยุโรปส่วนเกณฑ์ DSM ใช้ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ บางประเทศ และมักใช้โดยมากในงานวิจัยเกณฑ์ ICD-10 เน้นเกณฑ์ Schneider's first-rank symptoms[upper-alpha 11] มากกว่าในภาคปฏิบัติ วิธีการจำแนกโรคทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก[149]ข้อเสนอการปรับปรุง ICD-11 เสนอให้เพิ่ม self-disorder เป็นอาการ[23]

  • ถ้าปัญหามีมากกว่า 1 เดือนแต่ยังน้อยกว่า 6 เดือนแพทยจ์จะวินิจฉัยว่าเป็นโรค schizophreniform disorder ก่อน
  • อาการโรคจิตที่มีน้อยกว่า 1 เดือนจะวินิจฉัยเป็น brief psychotic disorder และภาวะอีกหลายอย่างอาจจัดเป็น psychotic disorder not otherwise specified
  • ถ้ามีอาการของความผิดปกติทางอารมณ์ (mood disorder) ค่อนข้างมากพร้อม ๆ กับอาการโรคจิต ก็จะวินิจฉัยเป็น schizoaffective disorder
  • ถ้าอาการโรคจิตเป็นผลทางสรีรวิทยาโดยตรงจากอาการทางแพทย์อื่น ๆ หรือจากสาร ก็จะวินิจฉัยเป็นอาการโรคจิตทุติยภูมิของโรคนั้น ๆ[141]

แพทย์จะไม่วินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ถ้ามีอาการ pervasive developmental disorder (ซึ่งรวมออทิซึมสเปกตรัมและกลุ่มอาการเรตต์) ยกเว้นถ้าอาการหลงผิดและประสาทหลอนที่เด่นก็มีด้วย[141]

แบบย่อย

ใน DSM-5 สมาคมจิตเวชอเมริกัน (APA) ได้ยกเลิกการจัดแบบย่อยของโรคจิตเภท[150]แบบย่อย ๆ ที่รวมอยู่ใน DSM-IV-TR คือ[151][152]

  • โรคจิตเภทแบบระแวง (paranoid schizophrenia): คนไข้มีอาการหลงผิดหรือประสาทหลอนทางหู แต่ไม่มีความผิดปกติทางความคิด พฤติกรรมวุ่นวายสับสน และการไม่แสดงออกทางอารมณ์ อาการหลงผิดเป็นแบบคนตามรังควานหรือคิดว่าตนเขื่อง นอกเหนือจากนี้ ตีมอื่น ๆ เช่น ความอิจฉาริษยา ความเคร่งศาสนา และการแสดงความทุกข์ทางใจออกเป็นโรคทางกาย (somatization) ก็อาจมี (DSM code 295.3/ICD code F20.0)
  • โรคจิตเภทแบบสับสน (disorganized schizophrenia): เรียกว่า hebephrenic schizophrenia ใน ICD เมื่อมีความผิดปกติทางความคิดและการไม่แสดงออกทางอารมณ์เป็นอาการร่วมกัน (DSM code 295.1/ICD code F20.1)
  • โรคจิตเภทแบบเคลื่อนไหวน้อยหรือมากเกิน (catatonic schizophrenia): คนไข้อาจอยู่เฉย ๆ หรือมีการเคลื่อนไหวที่ไม่สงบวุ่นวาย ไร้จุดหมาย อาการอาจรวมอาการเงียบงัน (stupor) และอาการจัดท่าทางได้เหมือนหุ่นขี้ผึ้ง (waxy flexibility) (DSM code 295.2/ICD code F20.2)
  • รูปแบบที่ไม่ได้จัด: มีอาการโรคจิตแต่ไม่ผ่านเกณฑ์แบบย่อย คือระแวง (paranoid), สับสน (disorganized) และเคลื่อนไหวน้อยหรือมากเกิน (catatonic) (DSM code 295.9/ICD code F20.3)
  • โรคจิตเภทแบบยังมีอยู่ (residual schizophrenia): มีอาการเชิงบวกในระดับน้อย ๆ เท่านั้น (DSM code 295.6/ICD code F20.5)

ICD-10 นิยามรูปแบบย่อยเพิ่มขึ้นดังต่อไปนี้[151]

  • post-schizophrenic depression: คราวซึมเศร้าที่เกิดหลังจากป่วยเป็นโรคจิตเภท ที่อาการโรคจิตเภทระดับต่ำ ๆ ก็ยังอาจเหลืออยู่ (ICD code F20.4)
  • simple-type schizophrenia: อาการบกพร่อง (negative symptom) ที่เด่น ค่อยเป็นค่อยไป และแย่ลงเรื่อย ๆ โดยไม่มีประวัติอาการโรคจิต (ICD code F20.6)
  • โรคจิตเภทแบบอื่น ๆ ซึ่งรวม cenesthopathic schizophrenia และ schizophreniform disorder แบบ NOS (ICD code F20.8)[153]

การวินิจฉัยแยกโรค

อาการโรคจิตอาจมีในความผิดปกติทางจิตใจ (mental disorder) อื่น ๆ รวมทั้งโรคอารมณ์สองขั้ว (BD)[154],ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง[155],ความเป็นพิษจากยา และภาวะโรคจิตเหตุสารภายนอก (substance-induced psychosis)อาการหลงผิด (แบบไม่แปลก คือ non-bizarre) ยังมีด้วยในโรคหลงผิด (delusional disorder) และการถอนตัวจากสังคมในโรค social anxiety disorder, avoidant personality disorder และ schizotypal personality disorder (STPD)โดย STPD มีอาการคล้ายกันแต่รุนแรงน้อยกว่าโรคจิตเภท[6]โรคจิตเภทยังอาจเกิดพร้อมกับโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) บ่อยครั้งเกินกว่าที่จะอธิบายได้ว่าบังเอิญ แม้การแยกความหมกมุ่นของโรค OCD กับอาการหลงผิดของโรคจิตเภทอาจเป็นเรื่องยาก[156]บุคคลที่เลิกยาเบ็นโซไดอาเซพีนอาจมีอาการขาดยาที่รุนแรงและยาวนาน ซึ่งอาจคล้ายโรคจิตเภทและวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรค[157]

การตรวจหาโรคอื่น ๆ และโรคทางประสาทอาจจำเป็นเพื่อกันโรคอื่น ๆ ซึ่งก่ออาการคล้ายโรคจิต เช่น ความผิดปกติทางเมทาบอลิซึม, การติดเชื้อทั่วกาย (systemic infection), ซิฟิลิส, กลุ่มภาวะสมองเสื่อมเหตุเอดส์ (AIDS dementia complex), โรคลมชัก, limbic encephalitis และรอยโรคในสมองอนึ่ง โรคหลอดเลือดสมอง, โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน, ภาวะขาดไทรอยด์, และภาวะสมองเสื่อมต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์, โรคฮันติงตัน, ภาวะสมองเสื่อมที่สมองกลีบหน้าและกลีบขมับ (FTD) และ Dementia with Lewy bodies ก็อาจสัมพันธ์กับอาการโรคจิตคล้ายโรคจิตเภทด้วย[158]อาจต้องกันอาการเพ้อออก ซึ่งต่างกันเพราะมีประสาทหลอนทางตา, เกิดอย่างฉับพลัน และระดับความรู้สึกตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งแสดงว่า เป็นโรคหรืออาการอื่น ๆการตรวจจะไม่ทำซ้ำถ้ากลับเป็นอีก ยกเว้นจะมีตัวบ่งชี้ทางการแพทย์โดยเฉพาะ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงของการกินยารักษาโรคจิตในเด็ก ประสาทหลอนต้องแยกจากจินตนาการวัยเด็กทั่ว ๆ ไป[6]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคจิตเภท http://www.clinicalevidence.bmj.com/x/systematic-r... http://www.diseasesdatabase.com/ddb11890.htm http://www.emedicine.com/emerg/topic520.htm http://www.emedicine.com/med/topic2072.htm http://www.emedicine.com/med/topic3113.htm http://www.emedicine.com/med/topic3113.htm# http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=295 http://www.ijpsy.com/volumen3/num2/60/schizophreni... http://www.kluweronline.com/art.pdf?issn=1386-7423... http://pro.psychcentral.com/dsm-5-changes-schizoph...